Pages

Tuesday, August 25, 2020

ประท้วงฮ่องกง : กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติและอนาคตที่มืดมนของนักดนตรีเพื่อประชาธิปไตย - บีบีซีไทย

sallstargossip.blogspot.com

Denise Ho performs during a free concert in Hong Kong in 2016 after cosmetics giant Lancome cancelled a concert featuring the local singer
คำบรรยายภาพ,

เดนิส โฮ กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งการยืนหยัดต่อสู้กับจีนในฮ่องกง

"รู้สึกเหมือนเราไม่ได้อยู่ในฮ่องกงที่เคยรู้จักอีกแล้ว" เดนิส โฮ กล่าว "รู้สึกเหมือนเราอยู่ในจีนมากกว่า"

ครั้งหนึ่ง โฮเคยเป็นนักดนตรีชื่อดังที่สุดคนหนึ่งของฮ่องกง ในช่วงปี 2000 เธอกำลังจะกลายเป็นนักดนตรีดังด้วยแนวเพลง "ป๊อปกวางตุ้ง" หรือ "Cantopop" ในจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย ได้เล่นคอนเสิร์ตที่มีคนดูมากมายไปทั่วประเทศ

และแล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อเธอเข้าร่วมการประท้วงเพื่อประชาธิปไตยในฮ่องกง เมื่อปี 2014 เธอกลายมาเป็น "หน้าตา" ของการประท้วงและถูกรัฐบาลจีนจัดให้อยู่ในบัญชีดำ

แม้จะเป็นบุคคลที่ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการยืนหยัดต่อสู้กับจีนในฮ่องกง มีเสรีภาพพอสมควรในการเล่นดนตรี เรียกร้องประชาธิปไตย แต่การกระทำเช่นนั้นกลายเป็นสิ่งอันตรายทวีคูณ เมื่อจีนเริ่มใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง

ฐานความผิดที่นิยามไว้อย่างกำกวมอย่างการบ่อนทำลาย การแบ่งแยกดินแดน หรือการสมรู้ร่วมคิดกับกองกำลังต่างชาติ มีโทษถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต

ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ทางการจีนถูกควบคุมตัว ไม่ว่าจะจากการโพสต์สนับสนุนให้ฮ่องกงแยกตัวเป็นเอกราชทางโซเชียลมีเดีย ครอบครองสติกเกอร์เรียกร้องให้แบ่งแยกดินแดน หรือแม้แต่การยืนถือกระดาษเปล่า

ในจำนวนนี้มีกรณีของนายจิมมี ไหล มหาเศรษฐีเจ้าของเสื้อผ้ายี่ห้อจิออร์แดโน (Giordano) และหนังสือพิมพ์แอปเปิล เดลี (Apple Daily) รวมอยู่ด้วย

"คนจะระมัดระวังมากขึ้น"

ขบวนการประท้วงในฮ่องกงเปลี่ยนแปลงไปทันที หลายคนลบโพสต์เฟซบุ๊กที่วิจารณ์รัฐบาล หนังสือที่เขียนโดยนักเขียนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยหายไปจากห้องสมุดสาธารณะ และนักเคลื่อนไหวก็ไม่กล้าท่องสโลแกนเรียกร้องเอกราชให้ฮ่องกงอีกต่อไป

นักดนตรีที่กล้าแสดงความคิดเห็นก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน

"เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากมากสำหรับใครก็ตามที่อยู่ในฮ่องกงและเคยกล้าออกมาพูดสนับสนุนขบวบการเรียกร้องประชาธิปไตย" โฮ บอกกับบีบีซี

"แน่นอน คนจะเริ่มระมัดระวังมากขึ้นมาก ฉันก็ด้วย"

ผู้แต่งเพลง "Glory to Hong Kong" หรืออาจแปลเป็นไทยได้ว่า "ความรุ่งโรจน์แด่ฮ่องกง" ที่ใช้นามแฝงว่า "Thomas dgx yhl" บอกกับบีบีซีว่า เขาดีใจมากที่ได้ยินผู้ประท้วงหลายแสนคนเปล่งเสียงร้องเพลงที่เขาแต่งบนท้องถนนเมื่อปีที่แล้ว

แต่ตอนนี้ เขาบอกว่ากฎหมายความมั่นคงแห่งชาติอาจทำให้เขาต้องเดือดร้อน และเพลง "Glory to Hong Kong" ถูกห้ามไม่ให้นำไปเปิดหรือร้องในโรงเรียนต่าง ๆ เมื่อเดือนที่แล้ว

"แม้ว่าเพลงนี้จะเผยแพร่ออกไปก่อนที่จะมีกฎหมายใหม่ออกมา มีการเติมสโลแกนซึ่งเป็นที่นิยมเข้าไปในเนื้อเพลง ซึ่งเจ้าหน้าที่ทางการบอกว่าสโลแกนเหล่านั้นมีนัยความหมายใหม่ และอาจจะผิดกฎหมายความมั่นคงได้"

ลอ ฮิว-แบน เป็นผู้แต่งเพลง "Raise the Umbrella" หรือ "ชูร่มขึ้น" ซึ่งกลายเป็นเพลงประจำการประท้วงฮ่องกงเมื่อปี 2014 เขาบอกว่าเขาเดือดร้อนตั้งแต่ก่อนจะมีกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติแล้ว

คำบรรยายภาพ,

ลอ ฮิว-แบน

เขาบอกว่า ก่อนหน้านี้ได้แต่งเพลงสำหรับศิลปินเพลงป๊อปซึ่งจะนำไปใช้ในภาพยนตร์จีน แต่ผู้จัดการของศิลปินคนนั้นติดต่อมาบอกเขาว่ากังวลว่าเพลงของเขาอาจทำให้ตัวภาพยนตร์และตัวศิลปินคนนั้นถูกสั่งห้ามแสดงในจีน

ผู้จัดการคนนั้นแนะนำให้เขาใช้นามแฝงว่า "Penny" หรือ "Pencil" แทนชื่อจริง

"ผมปฏิเสธ และคิดว่านั่นเป็นการดูถูกกัน ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจใช้เพลงอื่นแทน"

ลอ ฮิว-แบน เชื่อว่า นักดนตรีในฮ่องกงที่แสดงความคิดเห็นทางการเมืองอาจจะถูกปิดกั้นมากขึ้นเพราะกฎหมายใหม่ฉบับนี้

"ผมคิดว่าจะมีคนมากขึ้นที่ไม่ยอมร่วมมือกับศิลปินเพลงที่ไม่ยอมอ่อนข้อ ก่อนหน้านี้คนก็ไม่อยากเสี่ยงอยู่แล้ว ในอนาคตยิ่งไม่ต้องพูดถึง"

ลอ ฮิว-แบน บอกว่า ศิลปินอิสระจะไม่กล้าเขียนเพลงการเมือง หรือเพลงที่มีเนื้อหาในเชิงสังคม บางคนอาจจะย้ายออกจากฮ่องกงไป หรือไม่ก็ปิดบังตัวตนที่แท้จริงไปเลย

เดนิส โฮ บอกว่า เมื่อปีที่แล้ว เธอไม่ได้รับอนุญาตให้เล่นดนตรีที่ฮ่องกงโคลีเซียม (Hong Kong Coliseum) สถานจัดงานอเนกประสงค์ซึ่งจุคนได้ถึง 1.25 หมื่นคน และบอกว่าในอนาคตจะยิ่งยากขึ้นเรื่อย ๆ ที่เธอจะสามารถขอเช่าสถานที่เพื่อเล่นดนตรี

"เราต้องคิดหาวิธีที่แตกต่างออกไปในการเล่นดนตรี ฉันคิดว่ามันเป็นไปได้ในโลกเสมือนจริง หรือไม่ก็หาพื้นที่สีเทาในกฎหมายฉบับนี้ ฉันยังไม่มีคำตอบตอนนี้แต่มั่นใจว่าต้องหาหนทางที่แตกต่างออกไปในการเชื่อมต่อกับคนดูได้"

คำบรรยายภาพ,

ผู้ประท้วงชาวฮ่องกงหลายหมื่นคนเมื่อปี 2014

นางแครี่ แลม ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง บอกว่ากฎหมายฉบับนี้มีจุดมุ่งหมายจัดการ "กลุ่มคนจำนวนน้อยมาก" ที่ทำผิดกฎหมาย

แต่ ศ.โจฮานส์ ชาน นักกฎหมายจากมหาวิทยาลัยฮ่องกง บอกว่า นิยามของคำว่าการบ่อนทำลาย "กว้างจนสามารถครอบคลุมอะไรก็ได้ที่คุกคามความมั่นคงแม้เพียงเล็กน้อย"

เขาบอกว่าในที่สุดแล้ว นักดนตรีและศิลปินก็จะเซ็นเซอร์ตัวเอง

อย่างไรก็ดี ศิลปินทุกคนที่คุยกับบีบีซีบอกว่าพวกเขาจะทำในสิ่งที่พวกเขารักต่อไป

Thomas dgx yhl บอกว่าคงยากที่จะไม่ให้เขาพูดเรื่องการเมืองผ่านเพลงอีกต่อไปแล้ว

"ผมคิดว่าศิลปินส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเขา ก็คือสังคมและการเมืองนั่นเอง...มันยากที่จะสร้างงานโดยไม่มีเนื้อหาทางการเมือง"

เดนิส โฮ บอกว่า นี่ไม่ใช่เวลาที่นักดนตรีจะหยุดแสดงออก

"คนที่เลือกจะอยู่ในฮ่องกง รวมถึงตัวฉันด้วย เรายืนหยัดมุ่งมั่น หลายปีที่ผ่านมา ชาวฮ่องกงเรียนรู้มาเรื่อย ๆ ว่าจะจัดการกับการต่อสู้ครั้งนี้อย่างไร"

"ฉันคิดว่าเราไม่ควรประเมินค่าพลังของประชาชนต่ำไป"




August 25, 2020 at 06:27PM
https://ift.tt/3jc7mNN

ประท้วงฮ่องกง : กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติและอนาคตที่มืดมนของนักดนตรีเพื่อประชาธิปไตย - บีบีซีไทย

https://ift.tt/2AaMG8j

No comments:

Post a Comment