Pages

Saturday, August 22, 2020

แหวกฟ้าหาฝัน : งาน Jewelry ใน Museum of Decorative Art Barcelona - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

sallstargossip.blogspot.com

วันอาทิตย์ ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2563, 06.00 น.

Jewelry มีความหมายตามพจนานุกรมว่า เครื่องประดับ ไม่ว่าจะเป็นแหวน ต่างหู หรือสร้อยคอ ที่ทำจากวัสดุที่มีราคาสูงหรือไม่ก็ตาม อาทิ พลาสติก ทอง เงิน แก้ว อัญมณีซึ่งผู้สวมใส่มีวัตถุประสงค์เพื่อประดับประดา เครื่องประดับเหล่านี้อาจอยู่ติดตัวหรือติดกับเสื้อผ้าก็ได้ ในมุมมองของโลกตะวันตกนั้น เครื่องประดับจะต้องทำจากวัสดุคงทนถาวรจึงไม่รวมดอกไม้ ในอดีตเครื่องประดับมักทำจากวัสดุที่มีราคาสูงโดยเฉพาะทองคำ ร่วมกับอัญมณีราคาสูง อาทิ เพชร มรกต ไพลิน ทับทิม แต่ยังรวมถึงเปลือกหอย และส่วนของเปลือกไม้ด้วย นักโบราณคดีเชื่อว่าเครื่องประดับเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์มาก่อนที่จะมีการบันทึกประวัติศาสตร์ด้วยซ้ำ เครื่องประดับในยุคเริ่มต้นไม่ได้ถูกสร้างอย่างพิถีพิถันอย่างปัจจุบัน บางส่วนทำจากขนนก กระดูก เปลือกหอย หรือก้อนกรวดสีที่มีความคงทนและสวยงาม ส่วนเพชรเริ่มเป็นที่นิยมภายหลังเมื่อมนุษย์สามารถที่จะเจียระไนให้เพชรสามารถส่องประกายจนสวยงามราวปี 1300

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า เครื่องประดับเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะที่สำคัญ มันจึงเป็นสิ่งของที่ไว้ตกแต่งได้ทั่วร่างกาย ตั้งแต่ศีรษะจนถึงเท้า รวมทั้งข้อเท้าและ
นิ้วเท้า หรือแม้แต่อวัยวะเพศที่ปกติเป็นอวัยวะปกปิดตามความหลากหลายของวัฒนธรรมสร้อยคอที่ทำจากกระดูกปลาในถ้ำประเทศโมนาโกคราวที่เจ้าหญิงได้รับจากเจ้าชายเป็นของขวัญในการคลอดบุตรชายนั้นถือเป็นเครื่องประดับชิ้นแรกในประวัติศาสตร์มีอายุกว่า 25,000 ปีเมื่อเครื่องประดับเป็นเครื่องแสดงสถานะ มันจึงเป็นของสำหรับราชวงศ์ ขุนนางชั้นสูงและเจ้านาย ถึงกระนั้นก็ตามคนทั่วไปในยุคโบราณก็ยังมีโอกาสสวมใส่เครื่องประดับที่ทำจากสิ่งที่พวกเขาล่าหรือฆ่าได้เพื่อนำโชคดีมาให้สำหรับการล่าครั้งต่อไป เครื่องประดับของนายพรานจึงไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์แสดงความกล้าหาญ ยังเป็นเครื่องหมายแสดงอำนาจด้วย สังคมในอดีตยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับโชคลาภและโชคดีจากการสวมใส่เครื่องประดับ อาทิ เพื่อให้มีลูกดก มั่งคั่ง หรือโชคดีในความรัก แหวนแต่งงานแสดงถึงคำมั่นสัญญาของหนุ่มสาวก็เป็นสิ่งที่มีมาแต่โบราณแล้ว

วิวัฒนาการของเครื่องประดับพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จากอิหร่านและเมดิเตอร์เรเนียน อียิปต์ บาห์เรน กรีก โรมัน และขึ้นถึงขีดสุดในสมัยจักรวรรดิไบเซนไทน์ที่ได้รับมรดกตกทอดมาจากจักรพรรดิ Constantine ผู้ย้ายเมืองหลวงมายังคอนแสตนติโนเปิล พระองค์ทรงรวบรวมความยิ่งใหญ่และความมั่งคั่งของกรีก อียิปต์ ตะวันออก ใกล้รัสเซียและแอฟริกาเหนือ เข้าไว้ด้วยกันจนก่อให้เกิดการหลอมรวมเอาการใช้สีสันสดใส สัญลักษณ์ของอัญมณีเข้าไว้จวบจนถึงยุคกลางที่การออกแบบถูกเคลื่อนย้ายเข้าสู่ยุโรปผ่านการค้าการแต่งงานและสงคราม

หลังการล่มสลายของกรุงโรม ชาวบ้านก็มีชีวิตอยู่อย่างลำบาก ความมั่งคั่งแทบทั้งหมดตกอยู่กับศาสนจักรเท่านั้น ระหว่างสงครามครูเสด นักรบได้เดินทางไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์และกลับมาพร้อมกับอัญมณี และเครื่องประดับ ศาสนจักรได้รับประโยชน์มากมายจากการปล้น แต่สมบัติบางส่วนก็ตกหล่นไปยังทหาร และชาวนา ในยุคกลาง ขุนนางในสมัยนั้นไม่ต้องการให้ชาวบ้านได้สวมใส่อัญมณีจึงออกกฎหมายส่งเสริมความมัธยัสถ์และจำกัดการสวมใส่เครื่องประดับโดยเฉพาะแหวนซึ่งแต่ละชนิดให้ความหมายต่างกัน อาทิ แหวนของนักบวช สำหรับคนป่วย สัญลักษณ์ของความรัก และแหวนสำหรับอุปกรณ์ต่างๆ

วิวัฒนาการของเครื่องประดับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เมื่อฝรั่งเศสเป็นผู้นำทางด้านแฟชั่น พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสเป็นเป็นกษัตริย์ที่เฟื่องฟูมาก พระองค์นำเข้าเพชรจากอินเดียมามหาศาล แต่พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 กษัตริย์อังกฤษ กลับเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่มีเครื่องประดับมากที่สุดในยุโรป โดยทรงมีแหวนมากถึง 234 วง เข็มกลัดถึง 324 อัน อีกทั้งยังมีสร้อยเพชรและมุกอีกเป็นจำนวนมาก พระนางอลิซาเบธที่ 1 พระธิดาของพระองค์ก็โปรดแต่งพระองค์มากเช่นกัน โดยมีเสื้อผ้ามากถึง 2,000 กว่าชุดที่ประดับด้วยมุก

แม้นักท่องเที่ยวที่มีโอกาสมาเยือน Museum of Decorative Art Barcelona จะไม่ได้เห็นตัวอย่างของเครื่องประดับโบราณมากนัก แต่ก็ได้โอกาสเห็นตัวอย่างของเครื่องประดับที่ถูกออกแบบอย่างทันสมัยโดยศิลปินท้องถิ่นเป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว




August 23, 2020 at 06:00AM
https://ift.tt/2QgI9p5

แหวกฟ้าหาฝัน : งาน Jewelry ใน Museum of Decorative Art Barcelona - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://ift.tt/2AaMG8j

No comments:

Post a Comment