25 มกราคม 2564
262
สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลังจำนวนผู้ติดเชื้อในหลายพื้นที่เริ่มลดลง
โดยเฉพาะในกทม. ที่ก่อนหน้านี้เคยพบผู้ป่วยมากที่สุดเกือบ 50 คนต่อวัน เมื่อช่วงปลายปี 2563 ต่อเนื่องต้นปี 2564 แต่ปัจจุบันตัวเลขผู้ป่วยลดลงเหลือเฉลี่ยราวๆ 10 คนต่อวัน
ทำให้คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร (กทม.) ตัดสินใจผ่อนปรนให้ 13 ประเภทกิจการ กลับมาเปิดให้บริการได้ ตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค. ที่ผ่านมา ภายใต้มาตรการควบคุมโรคที่ยังต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ประกอบด้วย สถานที่เล่นตู้เกม, ร้านเกมและร้านอินเทอร์เน็ต, สถานดูแลผู้สูงอายุ, สนามแข่งขันทุกประเภท ยกเว้น สนามมวย สนามม้า, สถานที่ให้บริการห้องจัดเลี้ยง สถานที่จัดเลี้ยง จำกัดจำนวนคนไม่เกิน 300 คน ถ้าเกินต้องขออนุญาต
สนามพระเครื่อง ศูนย์พระเครื่อง, สถานเสริมความงาม สถานที่สักและเจาะผิวหนัง, สถานที่ออกกำลังกาย ฟิตเนส, สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ นวดแผนไทย สปา, สถานฝึกซ้อมมวย โรงยิม, สนามโบว์ลิ่ง สเกต โรลเลอร์เบลด, สถาบันลีลาศ และ โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้
ถือเป็นข่าวดีที่เราใกล้จะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะเริ่มคึกคักขึ้น ทั้งการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน การค้า การลงทุน การเดินทางท่องเที่ยว หลังจากเงียบเหงามาตั้งแต่ช่วยปลายปีก่อน และถ้าสถานการณ์ยังทรงตัวแบบนี้ ไม่ได้มีอะไรรุนแรงเกิดขึ้น ภายในสิ้นเดือนนี้จะมีการพิจารณาผ่อนคลายกิจการอื่นๆ เพิ่มเติม
ภายหลัง กทม. ไฟเขียวปลดล็อก 13 กิจการ ขณะนี้เริ่มมีหลายธุรกิจกลับมาเปิดให้บริการแล้ว อย่างบริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA แจ้งกลับมาเปิดให้บริการสถานประกอบการนวดเพื่อสุขภาพ และสปา ในพื้นที่กทม. รวม 22 สาขา เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ได้แก่ Lets Relax Spa จำนวน 12 สาขา, บ้านสวน มาสสาจ จำนวน 6 สาขา, สเตรช 3 สาขา และ Dr. Spiller Pure Skin Care Solutions อีก 1 สาขา
ส่วนที่ยังต้องรอติดตามกันต่อ คือ การนั่งรับประทานอาหารในร้านว่าจะมีการผ่อนผันเมื่อไหร่ หลัง กทม. ออกคำสั่งให้นั่งรับประทานอาหารในร้านได้ไม่เกินเวลา 21.00 น. เชื่อว่าถ้าปลดล็อกจะยิ่งทำให้บรรยากาศในภาพรวมคึกคักขึ้น
ส่งผลบวกต่อเนื่องไปถึงผู้ประกอบการในกลุ่มห้างสรรพสินค้า ลูกค้าน่าจะกลับเข้ามาใช้บริการมากขึ้นจากช่วงนี้ที่บรรยากาศตามห้างต่างๆ เงียบเหงาลงไปถนัดตา ซึ่งหุ้นบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN สะท้อนความคาดหวังในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
โดยหุ้น CPN เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (22 ม.ค.) ยืนบวกสวนตลาดหุ้นที่ดิ่งแรงกว่า 15 จุด ได้อย่างแข็งแกร่ง โดยปิดการซื้อขายที่ 52.75 บาท เพิ่มขึ้น 3 บาท หรือ 6.03% ระหว่างวันขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 54 บาท ถือเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 4 วันทำการติดต่อกัน รวมกว่า 10%
ด้านบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ได้มีการคัดเลือกหุ้นทั้งหมด 5 กลุ่ม ที่จะได้รับประโยชน์จากการกลับมาเปิดเมือง ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่คาดว่าความต้องการใช้สินเชื่อจะเร่งตัวขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงในการเกิดเอ็นพีแอลลดลง
กลุ่มสื่อโดยเฉพาะสื่อนอกบ้าน รายได้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น, กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค รับอานิสงส์จากการจับจ่ายใช้สอยที่มากขึ้น บวกกับได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทั้งโครงการคนละครึ่งและเราชนะ
กลุ่มโรงพยาบาล ได้ประโยชน์จากแนวโน้มผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น และยังมีข่าวดีเรื่องความคืบหน้าของวัคซีนโควิด-19 มาช่วยหนุนอีกแรง และกลุ่มขนส่ง แน่นอนว่าเมื่อเปิดเมือง การเดินทางจะคึกคักขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าปรับตัวเพิ่มขึ้นไปด้วย
โดยหุ้นเด่นในกลุ่มนี้แนะนำหุ้นที่มีสภาพคล่อง มีฟรีโฟลทสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดที่ 44% และมีโอกาสได้แรงหนุนต่อเนื่องหากตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการปรับเกณฑ์การคำนวณดัชนีตามวิธี Free Float Adjusted Market Capitalize ได้แก่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS (ฟรีโฟลท 65%), บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO (ฟรีโฟลท 82%), และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF (ฟรีโฟลท 46%)
January 25, 2021 at 09:26AM
https://ift.tt/3qMww9F
'ห้าง-แบงก์-ขนส่ง'ดาวเด่น ผ่อนคลายมาตรการคุมเข้ม - กรุงเทพธุรกิจ
https://ift.tt/2YfjZyP
No comments:
Post a Comment