Pages

Monday, March 29, 2021

รัฐประหารเมียนมา : "ดาวดับแสง" ในวันที่เลือดไหลนองมากที่สุดของประเทศ - บีบีซีไทย

sallstargossip.blogspot.com

Mourners gesture the three finger salute as they attend the funeral of Tin Hla, 43, who was shot dead by security forces during a protest against the military coup in Thanlyin township, outskirts of Yangon, Myanmar on March 27, 2021.

ที่มาของภาพ, NurPhoto via Getty Images

คำบรรยายภาพ,

ชาวเมียนมาจัดงานศพให้ผู้ประท้วงที่เสียชีวิต ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 28 มี.ค.

27 มี.ค. กลายเป็นวันที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดนับตั้งแต่กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

ในวันดังกล่าว ซึ่งตรงกับวันกองทัพเมียนมา มีประชาชนที่ออกมาประท้วงต้านรัฐประหารถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสังหารกว่า 100 คนในวันเดียว ทำให้นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. มีผู้เสียชีวิตจากการประท้วงในเมียนมาแล้วอย่างน้อย 450 คน

ชาวเมียนมาเรียกผู้ประท้วงที่เสียชีวิตจากการลุกฮือขึ้นต่อต้านการยึดอำนาจของกองทัพเหล่านี้ว่า "ดาวที่ดับแสง"

หนึ่งในนั้นคือ เอ โก วัย 40 ปี

เอ โก เป็นพ่อลูกสี่ที่อาศัยอยู่ในเมืองมัณฑะเลย์ ชาวบ้านเล่าว่าเขามีอาชีพขายลอดช่องและขนมที่ทำจากมะพร้าว นอกจากนี้เขายังเป็นสมาชิกกลุ่มสอดส่องความปลอดภัยของชุมชนด้วย

รายงานหลายชิ้นระบุว่าชายผู้นี้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บตอนที่ทหารบุกเข้าไปในชุมชนของเขา จากนั้นทหารได้ลากตัวเขาไปไว้บนกองยางรถยนต์ที่ถูกจุดไฟเผา ซึ่งกลุ่มผู้ประท้วงนำมาใช้ทำแนวกั้นทหารและตำรวจ

ชาวบ้านคนหนึ่งเล่าให้เว็บไซต์ข่าว "เมียนมานาว" (Myanmar Now) ฟังว่า "เขาส่งเสียงร้องว่า 'แม่ช่วยผมด้วย'"

ครอบครัวและเพื่อนฝูงได้จัดงานรำลึกถึงเขาเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ญาติคนหนึ่งบอกว่าการตายของ เอ โก เป็น "การสูญเสียครั้งใหญ่"

"เขาเป็นเสาหลักที่หาเลี้ยงครอบครัว" ญาติของเขาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพี

อีกด้านของเมืองมัณฑะเลย์ ก็มีผู้คนที่เศร้าโศกกับการจากไปของ อ่อง ซิน เพียว วัย 18 ปี

ที่มาของภาพ, Reuters

คำบรรยายภาพ,

อ่อง ซิน เพียว วัย 18 ปี เป็นอาสาสมัครช่วยงานที่ศูนย์รักษาผู้ป่วยโควิด-19 อาการวิกฤต

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ชายหนุ่มคนนี้เป็นผู้รักษาประตูของสโมสรฟุตซอลลินลัต อีกทั้งยังเป็นอาสาสมัครช่วยงานที่ศูนย์รักษาผู้ป่วยอาการวิกฤตในช่วงที่โควิด-19 ระบาดในเมียนมา

ครอบครัวของอ่อง ซิน เพียว ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เขาอยู่ในแนวหน้าของกลุ่มผู้ประท้วง ตอนที่ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยิงเสียชีวิตเมื่อวันเสาร์ที่ 27 มี.ค.

"ฉันเหลือเขาอยู่เพียงคนเดียว...ให้ฉันตายไปเสียเถิด ฉันจะได้ไปอยู่กับลูกชายฉัน" แม่ของเขาร้องคร่ำครวญอยู่ข้างโลงศพลูก

ในวันนั้นยังมีเด็กเสียชีวิตด้วยหลายคน

ร่างไร้วิญญาณของ เด็กหญิงเอ เมียต ตู วัย 11 ปี ถูกนำใส่โลงศพพร้อมกับของเล่น ดอกไม้ และภาพวาดเฮลโลคิตตี้ สื่อท้องถิ่นระบุว่าเธอถูกยิงระหว่างการสลายการชุมนุมในเมืองเมาะลำเลิง หรือ มะละแหม่ง ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ

ที่มาของภาพ, Reuters

ส่วนในเมืองเมะทีลา ทางภาคกลางของเมียนมา แม่ของเด็กหญิงปัน อิ พยู เล่าให้บีบีซีแผนกภาษาเมียนมาฟังว่าเธอรีบวิ่งไปปิดประตูทุกบานตอนที่ได้ยินเสียงทหารกำลังเดินมาตามถนน แต่เธอยังไวไม่พอ

"ฉันเห็นลูกล้ม และตอนแรกคิดว่าลูกแค่ลื่นล้ม แต่จากนั้นก็มีเลือดไหลออกมาจากอกของลูก" เธอเล่า

ในนครย่างกุ้งเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ มีรายงานหลายชิ้นระบุว่า เด็กชายไซ ไว ยาน วัย 13 ปีกำลังเล่นอยู่ข้างนอกตอนที่เขาถูกยิงเสียชีวิต ในวันอาทิตย์ครอบครัวจัดงานศพของเขาด้วยความเศร้าโศก

"ฉันจะอยู่ต่อไปโดยไม่มีลูกชายของฉันได้อย่างไร" แม่ของเขาร่ำไห้อยู่ข้างโลงศพ

ที่มาของภาพ, Anadolu Agency via Getty Images

คำบรรยายภาพ,

งานศพของเด็กชายไซ ไว ยาน มีขึ้นเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ท่ามกลางความเศร้าโศกของครอบครัว

อีกด้านของนครย่างกุ้ง นายที ซาน วาน พี วัย 19 ปี เสียชีวิตจากการถูกยิงเข้าที่แก้ม ตอนที่เขาอยู่บริเวณแนวตั้งรับของกลุ่มผู้ประท้วง

เพื่อนบ้านเล่าให้รอยเตอร์ฟังว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส ขณะที่พ่อแม่ของเขาบอกเพื่อนฝูงของลูกชายว่าไม่ต้องร้องไห้ "ลูกชายของเราเป็นผู้พลีชีพ"

แม้จะเผชิญเสียงประณามจากทั่วโลก แต่ความรุนแรงยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในวันที่ 28 มี.ค.

มีรายงานว่า มา อา คู นักกิจกรรมเพื่อสิทธิสตรีวัย 37 ปี ถูกยิงเข้าที่หน้าอกจนเสียชีวิตที่เมืองคะแล ทางภาคตะวันตกของประเทศ

สันนิบาตสตรีแห่งพม่า บรรยายว่าเธอเป็น "ผู้หญิงที่มีจิตใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังและความต้องการช่วยเหลือผู้อื่น"

"เราขอสดุดีในความกล้าหาญ ความยึดมั่น และอุดมการณ์ของเธอ"




March 30, 2021 at 09:06AM
https://ift.tt/3wcyO5y

รัฐประหารเมียนมา : "ดาวดับแสง" ในวันที่เลือดไหลนองมากที่สุดของประเทศ - บีบีซีไทย

https://ift.tt/2YfjZyP

No comments:

Post a Comment